ทำไมภาษาจีนถึงง่ายขนาดนี้! :中文难不难?
ทำไมภาษาจีนถึงง่ายขนาดนี้! ใช่แล้วค่ะ ทุกคนเข้าใจไม่ผิด จริงๆแล้วการเริ่มเรียนภาษาจีนไม่ได้ยากอย่างที่คิด ด้วยความที่วิชาภาษาจีนเป็นวิชาบังคับ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ทุกคนที่จะเปิดใจให้กับวิชานี้ (อย่าบังคับฉันเลย) ด้วยเหตุผลที่ว่า “ก็ภาษาจีนมันมีทั้งพินอินทั้งขีดเยอะแยะมากมาย” “ก็ภาษาจีนต้องท่องคำศัพท์” ฯลฯ อยากให้ทุกคนลืมข้อแก้ต่างเหล่านั้นไปได้เลยค่ะ ซึ่งสิ่งที่เฟินจะพูดในวันนี้เป็นสิ่งที่เฟินค้นพบในช่วงเริ่มเรียนภาษาจีนใหม่ๆว่า ถ้าเริ่มต้นการเรียนจีนควรเริ่มต้นเรียนภาษาจีนแบบทำความเข้าใจธรรมชาติของภาษาจีนก่อนแล้วลองมาเทียบเคียงกับภาษาไทยจะทำให้เราค้นพบว่า “จริงๆแล้ว ภาษาจีนนั่นง่ายแค่นี้และเข้าใจได้ไม่ยากเลย!!”
- จำความหมายได้เร็ว ถ้าฝึกการจำจากเพียนผาง (偏旁)
การใช้อักษรภาพแทนความหมายจริงๆก็มีข้อดีอยู่บ้างนะคะ โดยเฉพาะในภาษาจีนแล้วหากเราทำความเข้าใจเรื่อง “偏旁” อยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้เราสามารถจดจำส่วนประกอบของตัวอักษรหนึ่งๆได้อย่างรวดเร็วขึ้น สามารถยกตัวอย่างได้ว่า ถ้าเพียนผาง (ตัวประกอบความหมาย) ตัวนี้เราจะนึกถึงคำว่าอะไรที่ใช้ทำนองเดียวกันได้บ้าง
ตัวอย่างเช่นคำที่มีความหมายเกี่ยวกับปาก (口) 吗 呢 吧 嘛คำเหล่านี้ใช้เป็นคำท้ายในการถามเป็นส่วนใหญ่ 吃 กิน 喝 ดื่มเป็นต้น
- ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนก็อ่านภาษาจีนได้หมดเลย (จริงหรอ?)
จริงค่ะ เสียงของภาษาจีนมีอยู่จำกัด นี่คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผสมเสียงในภาษาจีน เพราะว่าการอ่านภาษาจีนมีหลักง่ายๆคือ โดยใช้พินอินแทนพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ แล้ว… ตัวสะกดล่ะ? ตัวสะกดก็รวมอยู่ในสระเรียบร้อยแล้วค่ะ นั่นก็คือสระผสม ภาษาจีนไม่มีการันต์ ไม่มีการอ่านที่ซับซ้อน ลองเทียบดูนะคะว่าคำในภาษาไทยมีกี่เสียงและมาตราตัวสะกดกี่มาตรา ดังนั้นคำในภาษาไทยจึงมีเยอะมากมายแล้วแต่จะออกเสียงและผสมตัวสะกดได้นับไม่ถ้วน เราจึงเรียนรู้ที่จะออกเสียงภาษาไทยอย่างไม่รู้จบ เช่น กอปร อ่านว่า กอบ เพลา อ่านว่า เพลฺา หรือ เพ – ลา กรมท่า อ่านมว่า กรฺม มะ ท่า แต่พอดาษดื่น กลับอ่านว่าอ่านว่า ดาด – ดื่น (ร้องไห้แน้ว T T) อย่างที่ทราบคือภาษาจีนใช้ตัวอักษรแทนความหมาย แต่ว่าถ้าเริ่มจากการฝึกอ่านเสียงในภาษาจีน พินอินผสมการออกเสียงให้คล่อง จนสามารถอ่านและผสมเสียงทั้งหมดตามตารางต่อไปนี้ได้อย่างถูกต้องก็จะไม่ใช่ปัญหาของการอ่านอีกต่อไปค่ะ (ถ้าฝึกอ่านวันและแถวๆ รับรองอ่านและจำวิธีการผันเสียงและออกเสียงได้ไม่เพี้ยนแน่นอนค่ะ)
3. ภาษาจีนกับภาษาไทยมีวิธีการพูดที่คล้ายกัน
มีหลายคำที่ภาษาจีนกับภาษาไทยออกเสียงคล้ายกันมาก เช่น ส่ง- 送 ,ส่ วงภาษาอีสาน (โล่ง) – 爽 สี่ – 四 ฯลฯ และยิ่งไปกว่านั้นมีวิธีการพูดที่คล้ายกันมากด้วยค่ะคุณผู้ชม เช่น ถ้าเราจะพูดภาษาไทยว่า ร้อนตาย! ภาษาอังกฤษจะมาใช้คำว่า Hot and die ไม่ได้นะคะ 5555 แต่ทว่าภาษาจีนกลับใช้ได้เหมือนภาษาไทยคือ 热死!อย่างนี้เป็นต้น ทีนี้ลองมาดูตัวอย่างวิธีการพูดในภาษาจีนเมื่อเทียบกับภาษาไทยที่ภาษาอังกฤษทำไม่ได้ดูกันนะคะ
– 想死你 คิดถึงเธอตายเลย (Love die you ไม่ได้นะ)
– 烦死了 น่ารำคาญ (ตาย5เลย)
– 吃什么好呢?กินอะไรดีน้อ
– 肚子饿了 ท้องหิวแล้วจ้า
– 口水流 น้ำลายไหล (หิวจ้า) ภาษาอังกฤษจะพูดว่าไงดีน้อคำนี้ 555555
– 想来想去 คิดไปคิดมา ภาษาอังกฤษพูดว่า Think come think go ได้ไหมล่ะ โอ้ยยยย
– 说来说去 พูดมาพูดไป (เหมือนกับอันเมื่อกี้)
– … 不 … เช่น ดีไม่ดี 好不好 หิวไม่หิว 饿不饿 เก่งไม่เก่ง 棒不棒 ภาษาอังกฤษจะพูดแบบนี้ได้ไหม! (Or not สินะ)
– 用心做 ใช้ใจทำนาจา (นะจ้ะ) Use heart made ใช้ใจทำ ไม่ใช่ละ all by my heart เถอะ
– 嘴很甜 ปากหวานจังจ้า
– 多多 เยอะเยอะ เช่น กินเยอะเยอะ 多多吃eat much much (eat more 55555)
– 简简单单 จิ๊บๆ ง่ายๆ (ใช้วิธีการซ้ำคำเหมือนกันเลย)
– 随随便便 งูๆปลาๆ เช่น ฉันก็ทำแบบงูๆปลาๆ อะนะ (随便 คือแล้วแต่จะทำ)
– 辛辛苦苦 ทุกข์ๆ ยากๆ
– 累成狗เหนื่อยเหมือนหมา
– ฯลฯ (อีกเยอะมากๆๆๆๆๆ)
4 ภาษาไทยและภาษาจีนมีวิธีการสร้างคำคล้ายกัน เช่น รถไฟ (车+火) 火车 เครื่องบิน (机+飞)飞机 ไข่ไก่ (蛋+鸡)鸡+蛋 ไข่เป็ด (蛋+鸭)鸭蛋 ฯลฯ
5 ภาษาจีนและไทยต่างก็มีคำลงท้ายหรือคำอุทาน
การมีคำลงท้าย คำอุทานช่วยให้สื่อเจตนา อารมณ์ ซึ่งแสดงออกผ่านทางคำพูดได้มากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น 吧 ไปกันเถอะ (走吧), 啦 ทำไมไม่เอาล่ะ (你怎么不要啦?) 呵呵 หุหุ/หึหึ, 呢ล่ะ ฯลฯ
6. ภาษาจีนไม่มีการผันรูปประโยคตามเวลา
โอ๊ะโอ เหมือนภาษาไทยเลยน้า เราจะมีคำบอกเวลาเหมือนกันค่ะ เช่น เมื่อวานนี้ 昨天 ตอนนี้ 现在 ทำแล้ว 做了 ยังไม่ทำ还没做ไปมาแล้ว 去过了ขึ้นอยู่กับคำบอกเวลาทั้งนั้นเลยค่ะ
7. ภาษาจีนมีลักษณนามเหมือนภาษาไทยเลย เช่น 一辆车 รถหนึ่งคัน, 两个人 คนสองคน, 一本书 หนังสือหนึ่งเล่ม, ประเทศหนึ่งประเทศ一个国家, 一双筷子ตะเกียบหนึ่งคู่ ฯลฯ
สิ่งที่ได้กล่าวไปข้างต้นนี่คือสิ่งที่ยืนยันนะคะว่าภาษาจีนไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยจริงๆ อาจต้องใช้เวลาในการเรียนภาษาจีนไม่มากก็น้อย แต่เรื่องของความใกล้เคียงระหว่างภาษาไทยและภาษาจีนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยนะคะที่จะทำให้เราจดจำวิธีการพูดและการใช้ในการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว จะสังเกตได้ว่าทำไมบางคนถึงเรียนภาษาจีนได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะส่วนหนึ่งคือธรรมชาติของภาษาจีนที่มีความคล้ายคลึงกับภาษาไทยอย่างมาก เราอย่าไปคิดว่ามันยากค่ะ เราต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เราสามารถเรียนรู้แล้วทำความเข้าใจได้ พยายามและทำให้กลายเป็นสิ่งที่เราชอบ แล้วเราก็จะสามารถอยู่กับการเรียนรู้ภาษาจีนอย่างที่ไม่งอแงเลยค่ะ >,<!
ก่อนจากกันวันนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เรียนภาษาจีนทุกคนสู้ๆนะคะ การเรียนรู้ภาษาเมื่อเราได้พื้นฐานการเรียนรู้ที่มีความสุขก็ย่อมจะทำให้ด่านต่อไปเรารู้ว่า ควรจะต้องทำอย่างไร คือการที่เรียนรู้ที่จะมองหาข้อดีข้อสังเกต รวมถึงการมองหาเทคนิคต่างๆจะช่วยเราได้มากพอสมควร (การคิดแบบนี้ใช้กับทุกเรื่องในชีวิตได้เลย) โดยเฉพาะเรื่องการปรับตัวกับสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาให้เราเรียนรู้ หากเริ่มต้นของการเรียนเราเรียนแล้วรู้สึกว่าเราทำได้ ต่อไปเราก็จะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นอย่างแน่นอน หมั่นฝึกท่องคำศัพท์ ฝึกอ่านและสังเกตบ่อยๆ ที่สำคัญอย่าลืมให้กำลังใจตัวเองนะค้า 加油!!!!