ทำไม “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” : 入乡随俗 (มุมมองจาก Covid-19)
ที่มาภาพ picture credits: https://ktanayotsapol.wixsite.com/diaryofart/thai-idioms-design-message
สวัสดีค่า!大家好!วันนี้มาพบกับสำนวนไทยจีนอีกเช่นเคยนะคะว่าในสำนวนเดียวกันแต่ความหมายและวิธีการใช้นั้นจะเหมือนหรือต่างกันหรือไม่อย่างไร ทุกคนคงจะเคยได้ยินกันอย่างคุ้นหูกับคำว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” แต่เคยสงสัยไหมคะว่าตาหลิ่วหมายถึงการทำตาแบบไหน ระหว่าง ตาเข ตาเหล่ มองหางตา มองบน ….?! เฉลยก็คือไม่ถูกสักอย่างเลยนะคะ เพราะว่าคำว่าตาหลิ่วในสำนวนนี้หมายถึง ตาปิดข้างเดียว ตาบอด ในที่นี้ก็คือทำตาไม่เห็นไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาทำอะไรก็ทำตามเขาอย่างนั้น ซึ่งพจนานุกรมไทยก็ได้อธิบายความหมายของสำนวนนี้ไว้ค่ะว่า คำว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” หมายถึง ประพฤติตนให้เหมาะสมกับกาลเทศะ, ตามที่คนส่วนใหญ่เขาประพฤติกัน สำนวนนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากเลยนะคะสำหรับการใช้ชีวิตในทุกๆ สังคม แม้ว่าโลกปัจจุบันจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นคำว่า โลกของความเสรี ที่ทุกคนจะสามารถคิดและปฏิบัติอะไรต่ออะไรได้ตามใจต้องการ แต่ทว่าการเข้าสังคมถือเป็นวัฒนธรรมทางสังคมในรูปแบบหนึ่งที่คนเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และศึกษาถึงคำว่า … “กาละเทศะ“และคำว่า “ควร” เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องปฏิบัติตามกฎ วัฒนธรรมและวินัยของสังคม เพราะว่ากฎระเบียบ วัฒนธรรม และวินัยคือสัญญะที่ดีที่สุดที่ทำให้คนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยกตัวอย่างง่ายมากเลยค่ะที่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบ้น กับวิกฤต โควิด 19 แม้ว่าจะออกกฎมาว่าให้ทุกคนใส่แมสก์ไปข้างนอก แต่ทันทีที่เราไปข้างนอกแล้วมีคนไม่ใส่ดูสิคะ เราจะรู้สึกอย่างไร เราไม่รู้หรอกค่ะว่าใครติดใครป่วยหรือใครปกติ แต่การที่ยังมีบางคนเลือกที่จะไม่ใส่ด้วยเหตุผลส่วนตัวก็ถือว่าเข้าข่าย เข้าเมืองตาหลิ่วแต่ฉันไม่หลิ่วตาละค่ะงานนี้
“ลองทำเป็นหลิ่วตาบ้างก็ได้”
หากต้องการเอาความเคยชินและความมักง่ายของตัวเองเป็นบรรทัดฐาน บางครั้งคุณก็ควรอยู่ตัวคนเดียวในสังคม… ไม่มีใครหรอกค่ะที่มีความสุขกับการใส่แมสก์ แอดเชื่อว่าร้อยละไม่ต่ำกว่าแปดสิบอยากหายใจได้สะดวกแบบที่ไม่ต้องมีอะไรมาขัดขวางจมูกไว้ ถ้าเราบอกว่ามันอึดอัดเพราะเหตุผลของตัวเองในขณะที่คุณเอาเปรียบให้คนอื่นอึดอัดแทนคุณ นั่นก็หมายความว่าคุณไม่เคารพในความปลอดภัยของคนอื่น ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีอะไรจะยืนยันความบริสุทธ์ของเราได้ดีเท่ากับผ้าปิดจมูก-หน้ากากอนามัยได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นสำหรับแอดเองเมื่อออกไปข้างนอกแล้วเห็นคนไม่ใส่แมสก์ (โดยเฉพาะคนที่ทำงานบริการคนอื่น) ก็รู้สึกปวดหัว หายใจไม่ถนัดขึ้นมาแปลกๆ เลยค่ะ เราอยู่ในเมืองพุทธที่เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ให้ดำรงอยู่บนความไม่ประมาท ในเมื่อสถานการณ์บีบบั้งคับให้เรารับผิดชอบและระลึกถึงความไม่ประมาทต่อตัวเราเองและผู้อื่นเช่นนี้ เราก็ควรหลิ่วตาตามผู้อื่น คนที่ไม่ใส่แมสก์ในขณะที่ออกจากบ้านในตอนนี้ ก็ต้องพึงระลึกไว้นะคะว่า คุณเองก็เหมือนกับคนที่อยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่รับอารยะและประเพณีของคนหมู่มาก ย่อมจะถูกตราตีว่าผิดแผกไปจากคนอื่นได้ และการใส่ผ้าปิดจมูกในช่วงระยะเวลานี้ก็เป็นสัญลักษณ์ของ “การให้เกียรติผู้อื่น” สังคมที่ดีคือสังคมที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ใส่หน้ากากเท่ากับความปลอดภัยที่มากขึ้นของเราและทุกคน เห็นรึยังคะว่า อยู่ในเมืองตาหลิ่วที่มีโควิดบังคับเราทุกคนแบบนี้ จะมาทำขะหมึงตาเปิดปากเปิดจมูกใส่ประชาชนคนอื่นไม่ได้! ถ้าคิดว่าไม่สะดวกที่จะใส่หน้ากากก็มีวิธีที่ง่ายมากๆเลยนะคะ เช่น สั่งบริษัทเดริเวอรี่ออนไลน์ ใช้ให้คนอื่นออกไปทำธุระแทน ทำตามกฎระเบียบเพื่อเราเพื่อคนอื่นกันโดยที่ไม่ต้องใช้ไม้ใช้กระบองไล่กันเหมือนคนไม่รู้ความดีกว่าค่ะ ถ้าเราไม่ช่วยกัน เทพเจ้าเหาะมาสามศาสนาก็ช่วยเราไม่ได้ ดังนั้นนาทีนี้เราต้องช่วยชาติ ชาติจึงจะพ้นภัยนะคะ ( ขออนุญาตยืมวลีของอาจารย์ในดวงใจของหนูค่ะ^ ^) ดังนั้นการตาหลิ่วก็อาจจะทำให้คนในสังคมเกิดความปลอดภัย ไว้เนื้อเชื่อใจกันได้ไม่มากก็น้อยเพราะความมีวินัยของแต่ละคนในสังคม
เอาละค่ะ แอบบ่นยาวไปหน่อยตอนนี้เข้าสาระ กันบ้างนะคะ คำว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม” ในภาษาจีนก็มีสำนวนที่ใช้ในทำนองเดียวกันเลยค่ะ คือสำนวนที่ว่า “入乡随俗”Rù xiāng suí sú เราลองมาดูความหมายในภาษาจีนกันนะคะว่าเหมือนหรือแตกต่างกับภาษาไทยในประเด็นใดบ้าง
入乡随俗/rùxiāng-suísú/指到什么地方,就要遵从什么地方的风俗习惯。
指到什么地方 ไปเยือน ณ ที่ใด 就要遵从什么地方的风俗习惯 ก็ย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกิจวัตรประเพณี ณ ที่แห่งนั้น ภาษาจีนจะเน้นไปทางการปฏิบัติตามขนบของท้องถิ่นที่อยู่ของชาวพื้นเมืองหรือคนในท้องที่เพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติถิ่นเหล่านั้นในฐานะผู้มาเยี่ยมเยือนอาจเป็นเชิงของการรักษาน้ำใจ รักษามารยาทและกติกาของคนในชุมชน เช่นบอกว่าประเพณีของคนถิ่นนี้ต้องดื่มเหล้าเพื่อรักษาความเป็นมิตรภาพ ดังนั้นการปฏิเสธเหล้าอาจเป็นการไม่ทำตาม 入乡随俗 หรือจะเป็นที่ประเทศไทยที่มีวัฒนธรรมการไหว้เป็นเอกลักษณ์ก็จะต้องฝึกไหว้ตามคนไทยเพื่อเป็นการรักษามารยาทและการทำตามสิ่งที่คนไทยเห็นว่างดงามนั่นเองค่ะ ขอสังเกตเพิ่มเติมจากการแปลนี้นะคะ …什么…,…什么… แปลแบบบ้านเราก็คือ ที่ไหน… ที่นั่น… อย่างไร… อย่างนั้น… อะไร… ก็อันนั้น… ประมาณนี้ค่ะ
คำว่า “入 ru4” หมายถึงเข้าไปมากับคำว่า “乡 xiang1″ พื้นถิ่น,ท้องถิ่น ” เช่น 入门 เข้าประตู 入进 เข้าไป 入口 ทางเข้า 家乡 บ้านเกิด, ภูมิลำเนา
คำว่า “随 sui1” หมายถึงไปตาม ปฏิบัติตาม เป็นไปตาม เช่น 随你便 เอาตามที่คุณต้องการ 随便你 แล้วแต่คุณ และคำว่า “俗 su2” ย่อมาจากคำว่า “风俗 feng1su2” หมายถึงขนบธรรมเนียมประเพณีนั่นเองค่ะ
สุดท้ายนี้แอดขอเป้นกำลังใจส่งถึงทุกคนให้ฝันฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ในเร็ววันเราจะสู้และผ่านไปด้วยกัน หวังว่าในวันนี้ทุกคนจะได้รับความรู้จากพวกเราในวันนี้นะคะ ??? 5th.ltd 泰中文 จะคอยแบ่งปันเรื่องราวและสาระดีดีอย่างนี้ทุกวัน ใครที่ชอบบทความนี้ย่าลืมกดไลค์เป็นกำลังใจให้พวกเราและกดติดดาวเว็บไซต์ของพวกเราเพื่อที่จะไม่พลาดการติดตามตลอดเวลา สำหรับวันนี้ สวัสดีค่า พบกันใหม่บทความถัดไปนะคะ ????