“ฝนทั่งให้เป็นเข็ม : 铁杵磨针”
สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้มาพบกับหัวข้อที่หายไปซะนานเลยนะคะ กับหัวข้อเรื่องราวของสำนวน 成语故事 เฟินเองก็คิดอยู่พักนึงว่าเอาเรื่องอะไรดีหนอ สุดท้ายไม่พ้นเรื่องเข็มอีกแล้วค่ะ ??? 针又来了 เข็มมาอีกแล้วจนได้ 555555 แต่การกลับมาในครั้งนี้มีเรื่องราวที่มีที่มาที่จะนำมาเป็นภาษาไทยให้ฟังค่ะ ซึ่งก่อนเริ่มจะขออธิบายความหมายของคำศัพท์ก่อนคร่าวๆ นะคะ
铁杵 แท่งเหล็ก
磨 การบด, โม่, สีให้ละเอียด (เคยได้ยินการโม่แป้งไหมคะ อันเดียวกันเลย)
针 เข็ม
ทั่งไทยกับทั่งจีนคนละรูปร่างเลยนะ ในจีนน่าจะหมายถึงแท่งเหล็กส่วนไทยน่าจะเป็นก้อนทั่งก้อนใหญ่ค่ะ
สำหรับเฟินได้ยินสำนวนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ “ฝนทั่งให้เป็นเข็ม” คำถามแรกที่อยู่ในหัวเลยก็คือ เจ้าทั่งที่ว่าเนี่ยมันมีหน้าตาเป็นยังไง 555 เฟินเคยคิดว่ามันจะกลายมาเป็นเข็มได้ยังไง พอเห็นทั่งแล้วก็คิดตามว่าถ้าฝนออกมาให้เป็นเข็มต้องใช้เวลานานมากเลย แต่ทั่งแม้จะก้อนใหญ่แต่ก็ย่อมจะทำให้มันกลายเป็นเข็มอันเล็กน้อยได้ด้วยความพยายาม เมื่อเราได้ดูความหมายและการเปรียบถือได้ว่าเปรียบได้ลึกซึ้งมากๆ การเรียนภาษาจีนก็เปรียบเสมือนการที่ฝนทั่งให้เป็นเข็มเหมือนกันค่ะ ก็คือต้องพยายามอย่างไม่ย่อท้อ หากพูดถึงตัวสำนวน เรื่องราวต่อไปนี้คือตำนานและเรื่องราวของกลี่ปายกวีจีนผู้โด่งดัง ช่วยตอบคำอธิบายทุกอย่างทุกข้อสงสัยได้เลยค่ะ
铁杵磨针(tiě chǔ mó zhēn )是一个成语,比喻只要有决心,肯下工夫,多么难的事情也能做成功。成语
1、只要坚持不懈就算是铁杵 ,也能磨成针。ขอเพียงพยายาม ไม่เกียจคร้านก็เหมือนกับการที่เอาแท่งเหล็กมาฝนจนกลายเป็นเข็มได้
2、一个人,不管结果如何,只要坚持不懈,即可创佳绩。คนหนึ่งคน ไม่สนว่าผลลัพธ์จะเกิดอย่างไรส ขอเพียงแค่พยายามไม่ท้อถอย ก็สามารถบรรลุผลเหล่านั้นได้ในที่สุด
3、目标专一而不三心二意,持之以恒而不半途而废,就一定能实现我们美好的理想。จุดประสงค์เพื่อสื่อว่าเมื่อคนเราเราทำการสิ่งใดแบบไม่สองจิตสองใจ อุตสาหะไม่ยอมแพ้ระหว่างทาง ก็สามารถทำสิ่งที่ประสงค์ดังใจให้เกิดขึ้นจริงได้
เดินไปเรื่อยๆ จนถึงทางเข้ากระท่อมทรุดโทรมหลังหนึ่ง ยายชราผมขาวโพลนนั่งอยู่ กำลังฝนแท่งเหล็กหนาแท่งหนึ่ง หลี่ป๋ายจึงเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัยว่า “คุณยาย กำลังทำอะไรอยู่หรอครับ?”
“ฉันอยากจะเอาแท่งเหล็กนี้ฝนจนกลายเป็นเข็มเย็บผ้าสักเล่มหนึ่งน่ะจ้ะ” คุณยายแก่เงยหน้าขึ้น พร้อมรอยยิ้มส่งให้หลี่ป๋าย กระนั้นยังก้มหน้าก้มตาฝนเหล็กต่อไป
“เข็มเย็บผ้า?” หลี่ป๋ายถามขึ้นอีกครั้ง”เข็มที่ใช้สอยผ้าน่ะหรอครับ”
“ใช่น่ะสิ!”
“แต่ว่า เหล็กหนาขนาดนี้ เมื่อไหร่จะฝนจนกลายเป็นเข็มเย็บผ้าอันบางๆได้ล่ะครับ”
“แต่คุณยายอายุมากขนาดนี้แล้วนะครับ”
“เพียงแค่ฉันใช้ความพยายามให้มากพอกว่าแรงกายที่มีอยู่ มันก็ไม่มีะอไรที่เป็นไปไม่ได้”
ตอนที่เขาอายุยี่สิบกว่าปี เพื่อการเพิ่มพูนประสบการณ์ที่จัดเจนขึ้น เขาจึงเที่ยวเก็บประสบการณ์ไปยังที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฉางอาน หลั่วหยาง จินหลิง เจียงตู้และอีกหลายเมือง ทั้งยังไปถึงต้งถิง ภูเขาหลูซาน และภูเขาที่มีชื่อเสียงอื่นๆ การที่เขาได้ออกไปท่องโลกกว้าง รู้จักผู้คนมากมาย นำมาซึ่งการเขียนบทกวีที่มีเอกลักษณ์ของเขาด้วย เมื่อเขาจากไปแล้ว ความโดดเด่นในการประพันธ์ของเขายังคงเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้ได้รับสมญานามว่า “ยอดกวีเอกผู้ยิ่งใหญ่”