【ใจบันดาลจีน จีนบันดาลใจ ❤️ 】เมื่อการเรียนภาษาจีนไม่มีคำว่า “พรุ่งนี้” : 学中文多久时间才能学会

【ใจบันดาลจีน จีนบันดาลใจ ❤️ 】เมื่อการเรียนภาษาจีนไม่มีคำว่า “พรุ่งนี้” : 学中文多久时间才能学会

ในช่วงที่เฟินเริ่มต้นเรียนภาษาจีนเฟินมักจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อีกนานแค่ไหนฉันถึงจะอ่านภาษาจีนได้โดยไม่ต้องใช้พจนานุกรมแปล อีกนานแค่ไหนฉันจึงจะสามารถสื่อสารกับคนจีนได้โดยที่ไม่ต้องยืนงงหรือทำเป็นพยักหน้าในสิ่งที่เขาพูด และอีกนานแค่ไหนที่ฉันไม่ต้องมานั่งทนท่องคำศัพท์ทบทวนบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ หลังจากที่เฟินลองผิดลองถูกและผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ทำให้เฟินรู้ว่า เราต้องเรียนภาษาจีนในทุกวันถึงจะสามารถก้าวข้ามคำถามเหล่านั้นไปได้โดยเร็ว การเรียนภาษาจีนในทุกวันคือการรับในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้และฝึกให้ตัวเองรู้อย่างต่อเนื่องและการเรียนภาษาจีนให้พูดอ่านเขียนได้ไม่มีคำว่า “พรุ่งนี้ค่อยเรียน”

สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้มาตอบคำถามเกี่ยวกับการเรียนภาษาจีนที่ว่า ทำอย่างไรถึงจะเรียนและเข้าใจได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

学中文多久才能学会 ต้องเรียนภาษาจีนนานแค่ไหนถึงจะเรียนได้เข้าใจ : วันนี้ขออธิบายถึงพื้นฐานของการสื่อสารภาษาจีนนะคะ หากต้องถามว่าเรียนนานแค่ไหนถึงจะเรียนได้อย่างเข้าใจ ตรงนี้ต้องขอตอบเลยค่ะว่า ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการให้เวลาของเราและความสม่ำเสมอของการฝึกฝนค่ะ แต่สำหรับเฟินมองว่า จริงๆแล้วภาษาจีนเรียนแค่วันนี้พรุ่งนี้ก็พูดได้เพราะคำศัพท์และวิธีการพูดสื่อสารไม่ได้ซับซ้อนมากค่ะ วิธีการเรียนเพื่อให้สามารถสื่อสารได้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดโดยจำเป็นที่จะต้องรู้อยู่สองอย่างหลักๆคือ “คำศัพท์” และ “วิธีการพูด/การสร้างประโยค” เราอาจจะต้องเริ่มต้นจากการสนทนาเพียงสั้นๆ ในสถานการณ์ต่างๆ หากหนึ่งเดือนมี 31 วัน เราเรียนทุกวันก็จะสามารถสื่อสารได้ถึง 31 สถานการณ์ เมื่อนำไปใช้ก็ได้ทั้ง 31 สถานการณ์เลยก็ว่าได้ค่ะ ยกตัวอย่างนะคะ เช่นว่าเราอยากรู้เกี่ยวกับ การไปโรงพยาบาล การไปซื้อของที่ตลาด การซื้อเสื้อผ้า การทักทายแนะนำตัว การอ่านวันเดือนปี การถามทาง การส่งของไปรษณีย์ ฯลฯ ทั้งนี้การเรียนรู้วิธีการพูดเรียกโดยทั่วไปว่า “การเรียนภาษาจีนเพื่อการสื่อสาร” ซึ่งก็มีหลายระดับด้วยกันค่ะ ตั้งแต่ ระดับเริ่มต้น ระดับกลาง ระดับสูง สำหรับเฟินแล้วเรียนระดับเริ่มต้นที่ขงจื่อจบหนึ่งเล่มก็สามารถไปสื่อสารข้างนอกได้พอสมควรเลยค่ะ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ก็คือการเพิ่มพูนทักษะการพูดของตัวเองด้วยการฟังจากหนังนำไปพูดกับเพื่อนคนจีนจริงในทุกวันก็จะช่วยได้มากยิ่งขึ้นค่ะ 

ดังนั้นแล้วทุกอย่างจะเร็วหรือจะช้านั้นก็ล้วนขึ้นอยู่กับความใส่ใจและการนำไปฝึกฝนของเรา เมื่อเรียนมาแล้วอย่าพูดกับตัวเองว่าพรุ่งนี้ค่อยฝึกพูด เหมือนกับขนมเค้กที่เพิ่งอบมากับที่ทิ้งไว้หลายสัปดาห์แล้วค่อยรับประทานอันไหนจะอร่อยกว่ากันคะ เราต้องระลึกว่าเมื่อเรียนแล้วก็ต้องใช้พูดและคิดเป็นภาษาจีนเลยในทุกขณะที่เราใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่นวันนี้เราเรียนเรื่องการต่อรองราคาสินค้า ในขณะที่เข้าร้านค้าก็คิดเป็นภาษาจีนไว้ว่าเอะถ้าต้องพูดเป็นภาษาจีนเราจะพูดอย่างไรดีนะ แค่คิดก็เท่ากับฝึกไปในตัวแล้วค่ะ ? หรือถ้าจู่ๆเราคิดไม่ออกว่าภาษาจีนควรพูดว่าอย่างไรเราก็จะได้รีบจำไว้ว่าเราควรไปถามอาจารย์หรือผู้รู้ว่าต้องพูดอย่างไร ถ้าดีที่สุดอาจถามในข้อความบันทึกไว้ในโทรศัพท์ขณะนั้นเลยก็ได้ค่ะ

มีคนเคยพูดว่าไม่ต้องเรียนแค่ดูหนังในทีวีก็พูดได้ อันนี้เฟินขอค้านค่ะ จริงอยู่ที่เรารู้ว่าในหนังพูดอย่างไร แต่ในหนังไม่ได้บอกเราอย่างละเอียดว่าไวยากรณ์หรือการออกเสียง การใช้ที่ถูกต้องนั้นจะต้องใช้อย่างไร รวมถึงการขยายบทเรียนสู่สถานการณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้บอกเอาไว้ด้วย ดังนั้นสำหรับเฟินแล้วมองว่า เราควรเรียน 口语 การสื่อสาร/วิธีการพูดตามตำราเรียนควบคู่ไปกับการดูละครดูความบันเทิงจะเป็นวิธีการที่ได้ผลลัพธ์ถาวรมากกว่าค่ะ หนังสือหรือแอพที่เกี่ยวข้องกับการฝึกพูดภาษาจีนสามารถนำมาใช้ได้เลยค่ะ นอกจากนี้การเปิดแอพพลิเคชันในในมือถือที่เกี่ยวกับภาษาจีนหรือการเปิดฟีดขึ้นมาเจอภาษาจีนในทุกวันก็ทำให้เราได้รับความรู้ภาษาจีนใหม่ๆในทันทีแบบไม่ต้องรอเลยค่ะ

การฝึกฝนในทุกวันอาจทำให้เราไปได้อย่างรวดเร็วขึ้นและมีผลลัพธ์ที่มากขึ้น เหมือนการสร้างสะพานภาษาจีนที่แข็งแรงและทำให้เราก้าวข้ามไปอย่างสง่างาม หากวันไหนหยุดสร้างสะพาน ก็เท่ากับเราพลาดโอกาสดีๆไปแล้วหนึ่งวัน การเรียนภาษาจีนก็คือการคิดอยู่ในทุกวันทุกเวลาว่าอันนี้สิ่งนี้ในสถานการณ์นี้เราควรใช้อย่างไรและควรพูดอย่างไร ไม่มีว่า พรุ่งนี้ค่อยฝึก พรุ่งนี้ค่อยพูด เรียนทุกวันก็ได้ทุกวัน สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสนุกและไม่ย่อท้อต่อการเรียนภาษาจีน แล้วเป้าหมายที่รอคอยก็ย่อมจะไม่ไกลเกินคอย พบกันใหม่กับบทความเพื่อการเรียนภาษาจีนแบบนี้ แล้วพบกันค่า ???

© 版权声明
THE END
喜欢就支持一下吧
点赞2 分享
Reply 抢沙发
图片正在生成中,请稍后...